แลร์รี คิง พิธีกรระดับตำนานของสหรัฐฯ ผู้โลดแล่นในวงการสื่อมานานกว่า 60 ปี และเคยสัมภาษณ์บุคคลสำคัญหลากหลายวงการมาแล้วมากมาย เสียชีวิตแล้วเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 23 ม.ค. 2564 ขณะมีอายุได้ 87 ปี ที่ศูนย์การแพทย์ ซีดาร์ส-ไซนาย ในนครลอสแอนเจลิส
คิง อยู่ในวงการสื่อมา 63 ปี ฝ่าฟันมรสุมชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลว การถูกดำเนินคดี หรือโรคภัยที่คอยรุมเร้า โลดแล่นฝากผลงานไปทั่วทุกแพลตฟอร์มทั้ง วิทยุ, โทรทัศน์ และสื่อดิจิทัล ซึ่งบทสัมภาษณ์, รางวัล และเสียงชื่นชมมากมายจากทั่วโลกของเขา คือข้อพิสูจน์ถึงความสามารถของเขาในฐานะ นักจัดรายการ
ข่าวแนะนำ
มีปัญหาสุขภาพมากมาย
ไม่มีการเปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิตของ แลร์รี คิง แต่ในช่วงปลายเดือนธันวาคมปีก่อน เขาต้องเข้ารับการรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ศูนย์การแพทย์ ซีดาร์ส-ไซนาย นอกจากนั้นเขายังต่อสู้กับปัญหาสุขภาพหลายอย่าง และเคยหัวใจวายมาแล้วหลายครั้ง
เมื่อปี 2530 นายคิงเคยเข้ารับการผ่าตัดบายพาสหัวใจ 5 เส้น และเป็นแรงบันดาลใจให้เขาก่อตั้งมูลนิธิโรคหัวใจ ‘Larry King Cardiac Foundation’ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ไม่ได้ทำประกันสุขภาพ ในปี 2560 นายคิงเปิดเผยด้วยว่า เขาถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอด แต่การผ่าตัดรักษาประสบความสำเร็จด้วยดี ต่อมาในปี 2562 เขาก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดด้วย
นอกจากปัญหาสุขภาพแล้ว ในปี 2563 แลร์รี คิง ยังพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อเขาสูญเสียลูก 2 คนภายในเวลาห่างกันไม่กี่สัปดาห์ โดย แอนดี คิง ลูกชายวัย 65 ปีของเขา เสียชีวิตเพราะหัวใจวาย ส่วน ไชอา คิง ลูกสาววัย 52 ปี เสียชีวิตหลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอด ปัจจุบัน นายคิงมีลูกชายที่ยังมีชีวิตอยู่อีก 3 คน
เริ่มเข้าวงการสื่อด้วยการเป็นดีเจ
แลร์รี คิง เกิดที่เมืองบรูกลิน รัฐนิวยอร์ก เมื่อ 19 พ.ย. 2476 ชื่อเดิมคือ ลอว์เรนซ์ ฮาร์วีย์ ไซเกอร์ มีพ่อแม่เป็นผู้อพยพชาวยิว มารดาชื่อ เจนนี ไซเกอร์ มาจากลิทัวเนีย ขณะที่บิดาคือ เอ็ดเวิร์ด ไซเกอร์ มาจาก ยูเครน แต่เอ็ดเวิร์ดเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายตอนที่คิงอายุเพียง 10 ขวบ
การเสียชีวิตของเอ็ดเวิร์ดส่งผลกระทบต่อครอบครัวคิงอย่างมาก เจนนีต้องขอสวัสดิการจากรัฐเพื่อเลี้ยงดูเขากับน้องชายชื่อ มาร์ตี ด้วยตัวคนเดียว โดยคิงเคยเล่าเรื่องนี้ระหว่างให้สัมภาษณ์กับ เดอะ การ์เดียน ในปี 2558 ว่า “ก่อนพ่อเสียชีวิต ผมเป็นเด็กตั้งใจเรียนมาก แต่หลังจากนั้น ผมก็หยุดสนใจไปเลย” “มันเหมือนโดนตีแสกหน้า แต่ในท้ายที่สุด ผมก็จัดการความโกรธนั้นได้ เพราะผมต้องการทำให้พ่อและแม่ภูมิใจ”
คิงเผยอีกว่า พ่อของเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อตัวเขา ทั้งปลูกฝังเรื่องอารมณ์ขันและความรักในกีฬา ซึ่งกีฬาที่คิงชื่นชอบที่สุดคือ เบสบอล คิงเป็นแฟนตัวยงของทีม ‘บรูกลิน ดอดเจอร์ส’ และให้การสนับสนุนเรื่อยมาแม้ว่าทีมจะย้ายไปที่ลอสแอนเจลิสแล้ว และมักพบเห็นเขาได้ที่เก้าอี้ค่าตั๋วแพงบนอัฒจรรย์ฝั่งเจ้าบ้านที่สนามของดอดเจอร์ส ในปี 2547 เขาถึงกับเขียนหนังสือชื่อว่า “ทำไมผมจึงรักเบสบอล” ด้วย
อาชีพในวงการสื่อของคิงเริ่มต้นอย่างจริงจังในปี 2500 เมื่อเขารับงานเป็นดีเจของสถานีวิทยุ AM ช่อง ‘WAHR’ ในเมืองไมอามี แต่ก็มีอุปสรรคอยู่ เมื่อผู้จัดการสถานีบอกกับเขาว่า “คุณใช้ชื่อ แลร์รี ไซเกอร์ ไม่ได้นะ” คิงเผย “มันฟังดูเป็นกลุ่มชาติพันธ์ุเกินไป คนสะกดไม่ถูกหรือจำไม่ได้หรอก คุณต้องใช้ชื่อที่ดีกว่านี้”
“ตอนนั้นไม่มีเวลาให้คิดเลยว่า นี่เป็นเรื่องดีหรือไม่ หรือว่าแม่ของผมจะคิดอย่างไร ผมกำลังจะได้ออกอากาศใน 5 นาทีนี้แล้ว” คิงเปิดเผยผ่านอัตชีวประวัติของเขาเมื่อปี 2552 “(หนังสือพิมพ์) ไมอามี เฮอรัลด์ กางอยู่บนโต๊ะของเขา ทั้งหน้ามีภาพโฆษณาบริษัทค้าปลีกสุรา ‘คิง’ อยู่ ผู้จัดการก้มลงมาดูแล้วพูดว่า ‘คิงไงล่ะ ใช้ชื่อคิงมั้ยแลร์รี?’ ” และนั่นคือกำเนิดของพิธีกรที่ชื่อว่า แลร์รี คิง
ชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลว
ตลอดชีวิตของคิง เขาแต่งงานมาแล้วถึง 8 ครั้ง และส่วนใหญ่จบลงที่การหย่าร้าง เริ่มจากแต่งงานกับ เฟรดา มิลเลอร์ แฟนสาวตั้งแต่สมัยมัธยมปลายตอนอายุ 19 โดยอยู่ด้วยกันได้ราว 1 ปี (2495-96) ก่อนที่การแต่งงานจะถูกตัดสินให้เป็นโมฆะ เพราะผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายไม่ยินยอม จากนั้นในปี 2504 คิงแต่งงานกับ แอนเนต เคย์ ไม่ถึงปีก็หย่าร้างกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 1 คน คือ แลร์รี จูเนียร์ แต่กว่าพ่อลูกจะได้พบกันก็หลัง แลร์รี จูเนียร์ มีอายุกว่า 30 ปีแล้ว
ในปีเดียวกัน คิงแต่งงานกับภรรยาคนที่ 3 คือ เอเลน อาคินส์ นางแบบนิตยสารเพลย์บอย ที่ไนต์คลับแห่งหนึ่ง และรับแอนดี ลูกชายของอาคินส์เป็นลูกบุญธรรมในปี 2505 ก่อนจะหย่ากันในปีต่อมา โดยเป็นปีเดียวกับที่เขาแต่งงานกับ แมรี ฟรานซิส สตูฟิน เป็นภรรยาคนที่ 4 ทั้งคู่อยู่กินกันจนถึงปี 2510 ฝ่ายหญิงก็ขอหย่า ส่วนคิงก็กลับไปแต่งงานกับ อาคินส์อีกครั้ง และมีลูกสาวชื่อ ไชอา ในปี 2512 ก่อนที่ชีวิตสมรสของทั้งคู่จะจบลงในปี 2515
เดือนกันยายน 2519 คิงแต่งงานกับภรรยาคนที่ 5 คือ ชารอน เลอพอร์ ครูสอนคณิตศาสตร์ และหย่ากันในปี 2526 จากนั้น คิงได้พบกับนักธุรกิจหญิง จูเลีย อเล็กซานเดอร์ ในปี 2532 และขอแต่งงานทันทีระหว่างการเดตครั้งแรกในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ซึ่งทั้งคู่แต่งงานกันในเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม งานทำให้ทั้งคู่ต้องแยกกันอยู่ และสุดท้ายก็จบลงที่การหย่าร้างในปี 2535 จากนั้น คิงได้หมั้นกับนักแสดงสาว เดียนนา ลันด์ ในปี 2538 แต่ความสัมพันธ์จบลงโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกัน
ปี 2540 คิงแต่งงานกับภรรยาคนที่ 7 คือ นักร้อง, นักแสดงสาว ชอว์น เซาท์วิค โดยทั้งคู่มีอายุห่างกันถึง 26 ปี โดยแต่งงานก่อนที่คิงจะเข้ารับการผ่าตัดหัวใจเพียง 3 วันเท่านั้น โดยทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คนคือ แชนซ์ กับ แคนนอน ในปี 2553 คิงกับชอว์น ยื่นเรื่องขอหย่า แต่เปลี่ยนใจ ก่อนจะขอหย่ากันอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2562 โดยตลอดการแต่งงานกับภรรยา 7 คนของเขา คิงมีลูกของตัวเอง 5 คน, หลาน 9 คน และเหลนอีก 4 คน
เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ของ CNN นานถึง 25 ปี
คิงปักหลักอยู่ที่ไมอามีนานหลายปี กระทั้งได้รับการว่าจ้างเป็นคอลัมนิสต์ของ ไมอามี เฮอรัลด์ ในปี 2508 แต่ 6 ปีหลังจากนั้น เขาก็ถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ ทำให้เขาถูกพักงานจากสถานีวิทยุและสำนักหนังสือพิมพ์ แม้ว่าศาลจะยกฟ้องในปีต่อมา แต่เขาก็ไม่ถูกรับกลับเข้าทำงานอีก ทำให้คิงย้ายไปอยู่ที่ฟลอริดา ตามด้วยลุยเซียนา และทำงานเป็นนักข่าวอิสระ
ในปี 2521 คิงกลับไมอามีอีกครั้ง และไปอยู่กับสถานีวิทยุ WIOD ซึ่งเขาทำงานให้ตอนถูกจับกุม ปีเดียวกันมีการเปิดตัวรายงานวิทยุ ‘The Larry King Show’ ซึ่งออกอาการตอนกลางดึก โดยรายงานได้รับความนิยมอย่างมาก จากตอนแรกที่ออกอากาศใน 28 เมือง กลับขยายเป็น 118 เมืองภายในเวลา 5 ปี ส่งให้ชื่อเสียงของคิงพุ่งทะยาน ส่งให้เขาได้รับรางวัล ‘Peabody Award’ ในปี 2525
คิงได้ร่วมงานกับ สถานีวิทยุโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น ซึ่งเป็นสื่อใหญ่ของสหรัฐฯ ในปี 2528 โดยได้เป็นพิธีกรรายการทอล์กโชว์ ‘Larry King Live’ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างตำนานในฐานะพิธีกรรายการโทรทัศน์ของเขา ซึ่งรวมถึงการได้สัมภาษณ์บุคคลผู้มีชื่อเสียงหรือบุคคลสำคัญมากมาย ซึ่ง Larry King Live เป็นหนึ่งในรายการที่มีผู้ชมมากที่สุดของซีเอ็นเอ็น และคิงกลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของสถานี
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา คิงประกาศวางมือจากรายการ Larry King Live ในปี 2554 ทว่าคิงยังทำงานต่อไปจนกระทั่งเสียชีวิต โดยจัดรายการ ‘Larry King Now’ ที่ออกอากาศช่อง Ora TV, Hulu และ RT America เหมือนกับว่า เขาไม่ต้องการให้การสัมภาษณ์จบลงเลย “ผมแค่รักในสิ่งที่ผมทำ ผมรักการถามคำถาม ผมรักการสัมภาษณ์” แลร์รี คิง เคยกล่าวเอาไว้
การสัมภาษณ์ที่น่าจดจำของ แลร์รี คิง
ตลอด 25 ปีของการเป็นพิธีกรรายการ Larry King Live เขาทำการสัมภาษณ์มากกว่า 50,000 ครั้ง กับคนใหญ่คนโต และผู้มีชื่อเสียงในทุกวงการ เขายังพูดคุยกับประธานาธิบดีในตำแหน่งมาแล้วทุกคนตั้งแต่ เจอรรัลด์ ฟอร์ด จนถึง บารัค โอบามา และสนทนากับผู้ชมทางโทรศัพท์มาแล้วหลายพันสาย ซึ่งการสัมภาษณ์ที่น่าจดจำของเขามีมากมายนับไม่ถ้วน อย่างเช่น
ในปี 2536 คิงเป็นพิธีกรในการโต้อภิปรายระหว่าง รองประธานาธิบดี อัล กอร์ และ รอส เพโร มหาเศรษฐีจากเทกซัส ในเรื่องข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ นาฟต้า ซึ่งมีผู้ชมมากกว่า 16.3 ล้านคน สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในสมัยนั้น
ปี 2538 คิงสัมภาษณ์ นายยัสเซอร์ อาราฟัต ผู้นำปาเลสไตน์, นายยิตชาค ราบิน นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และสมเด็จพระราชาธิบดี ฮุสเซน แห่งจอร์แดน พร้อมกัน ซึ่งในยามปกติแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้นำของชาติคู่อริทั้ง 3 จะมาให้สัมภาษณ์พร้อมกัน
หลังจากเกิดวินาศกรรมเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เมื่อ 11 ก.ย. 2544 ที่นครนิวยอร์กและกรุงวอชิงตัน คิงได้สัมภาษณ์แขกมากกว่า 700 คน รวมทั้งผู้ที่ถึงจุดเกิดเหตุเป็นกลุ่มแรก, ผู้รอดชีวิต และผู้นำโลกกับบุคคลสำคัญอื่นๆ ไม่น้อยกว่า 35 คน
คิง ได้รับรางวัลมากมายจากการสัมภาษณ์ผู้ต้องขังในเรือนจำ รวมถึงการพูดคุยกับ นางคาร์ลา เฟย์ ทัคเกอร์ ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมแม่ลูกคิมส์ และเป็นหญิงคนแรกที่ถูกประหารชีวิตในรัฐเทกซัส กับ ไมค์ ไทสัน อดีตนักมวยชื่อดังที่ติดคุกหลังถูกกล่าวหาว่าข่มขืนนางงามผิวดำชาวอเมริกัน
แลร์รี คิง ยังเป็นคนสุดท้ายที่ได้สัมภาษณ์ แฟรงค์ ซินาตรา ตำนานนักร้องชาวอเมริกันด้วยในปี 2531 โดยซินาตราขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ขอสัมภาษณ์ยากมากจนกระทั่งเข้าเสียชีวิตในปี 2541 โดยคิงเปิดเผยในภายหลังว่า การได้สัมภาษณ์ซินาตรา กับ มาร์ลอน แบรนโด นักแสดงชื่อดัง ซึ่งขอสัมภาษณ์ยากไม่แพ้กัน ถือเป็นส่วนสำคัญในอาชีพของเขาเลย
ผู้เขียน: H2O
https://ift.tt/3iEikwH
บันเทิง
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ปิดตำนาน 63 ปี 'แลร์รี คิง' ยอดพิธีกรมือหนึ่งแห่งสหรัฐอเมริกา - ไทยรัฐ"
Post a Comment