Search

เป้ย ปานวาด ไม่ขอตอบข่าวลือสามีบีบคอ-ปมถูกเม้าท์แตกคอกับ หนิง-กระแต - ไทยรัฐ

เห็นว่าบทแซ่บเลย?
“คือเราอ่านแล้วก็รู้สึกขนลุก แล้วมันก็น่าเล่น และอีกอย่างคือเรามองว่าจังหวะนี้ มันเป็นจังหวะที่เราสามารถกลับไปได้แล้ว ก็คือลูกก็เข้าเรียนแล้ว และอีกอย่างปาลินก็โตพอประมาณแล้ว”

ต้องคุยกับลูกไหม ว่าแม่ต้องกลับมาทำงานแล้ว ต้องห่างลูกนิดนึง?
“จะคุยกับพี่โปรดค่ะ ว่าถ้าคิววันนี้ๆ แม่จะต้องไปถ่ายละครนะ อาจจะไม่ได้ไปส่ง หรืออาจจะไม่ได้พาเข้านอน ก็ต้องมีการบอกเขาก่อน”

เรียกว่ากลับมารับงานเต็มตัวเลยไหม?
“คงไม่นานๆ ทีแล้วค่ะ คงกลับมารับแบบเต็มตัวเลย ก็คือตั้งใจทำงานต่อเนื่องไปเลย แต่มันก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่เมตตาหรือเปล่า (หัวเราะ)”

คุณสามีโอเคไหม?
“คุณสามีจริงๆ เขาก็รู้อยู่แล้วแหละ ว่าเราอยากกลับไปเล่นละคร เพราะว่าเวลาเราดูโทรทัศน์อะ เราดูใครเล่นแล้วเราก็อยากเล่น แล้วเขาก็แบบ ลองเล่นให้ดูหน่อย ถ้าเกิดเป็นเป้ย เป้ยจะเล่นยังไง คือเขารู้อยู่แล้ว ว่าเราชอบแล้วก็คิดถึง เพียงแต่ว่าหลักๆ ที่เรายังรับไม่ได้ ก็คงเป็นเรื่องลูกๆ พอ ณ ตอนนี้ทุกๆ อย่างมันลงตัว เราก็เลยกลับมา”

ต้องเป็นบทบาทประมาณไหน?
“เป้ยรับบทร้ายอย่างเดียวเลยค่ะ เป้ยเน้นๆ เลย ว่าเป้ยขอร้าย คือจริงๆ อย่างที่บอกว่าก่อนหน้านี้ก็มีละครติดต่อมา แต่ก็เป็นคนดี เรามีความรู้สึกว่า ถ้าเรากลับมา ก็อยากเล่นอะไรที่มันร้ายๆ มันน่าจะเหมาะกับเรามากกว่า ด้วยน้ำเสียง ด้วยบุคลิก เพราะเรามีความรู้สึกว่า มันมีอะไรให้เราเล่นได้มากกว่า แล้วเราเป็นคนที่แบบ ไม่ได้เป็นคนเรียบร้อยอยู่แล้ว”

แสดงว่าบทเรื่องนี้ดึงดูดเรามาก?
“คือมันก็จะเป็นร้ายที่แบบร้ายเลย แต่ไม่ได้ร้ายซ่อน เป็นร้ายเปิดเผยเลย ตามคาแรกเตอร์”

จะให้ลูกดูละครเราได้ไหม?
“ไม่ให้ดู (หัวเราะ) แต่โปรดจะแบบขอไปกอง ก็ขอดูฉากก่อน ดูสถานที่ก่อน ก็จะบอกเขาว่าแม่ขอดูก่อนนะ ถ้าฉากน้อยๆ ก็จะพาไป”

กลัวเรื่องภาพความรุนแรงเหมือนกันใช่ไหม?
“จริงๆ เราอธิบายให้เขาฟังตลอดแหละ เพราะว่าบางที่ก็มีพี่เลี้ยงแอบเอาให้ดู เราก็ไม่ปฏิเสธ ก็บอกว่าอันนี้มันเป็นงาน โปรดก็เห็นอยู่ ว่าจริงๆ แม่ดุแค่ไหน เขาก็บอกดุกว่าในละคร (หัวเราะ)”

กลัวเพื่อนลูกที่โรงเรียนจะมาแซวเรื่องแม่ไหม?
“เป้ยคุยกับโปรดบ่อยอยู่แล้วค่ะ คิดว่ายังไงโปรดน่าจะเข้าใจ ถ้าเกิดเพื่อนถาม เป้ยก็คิดว่าเขาน่าจะมีคำตอบให้กับเพื่อนได้ดีค่ะ เขาโตแล้ว เขารู้เรื่องแล้วค่ะ”

ทำให้เราเสียโมเมนต์กับการอยู่กับเขาไหม อย่างรับรางวัลก็ไม่ได้ไป?
“ใช่ๆ ก็รู้สึกแป้วๆ เหมือนกันนะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือมันเป็นสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบ เพราะเรารับมาแล้ว จริงๆ เป้ยจะขอทางกองก็ได้ แต่เป้ยก็มีความรู้สึกว่า ในเมื่อคุณพ่อไปแล้ว ก็ไม่เป็นไร แล้วเราก็มีการบอกลูกก่อน ลูกโอเคไหม ถ้าลูกโอเคลูกเข้าใจ ทุกอย่างจบ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีค่ะ เขาบอกไม่เป็นไรเลย”

ลูกดูคุยกับเราได้เหมือนเป็นเพื่อนกัน?
“เป้ยพยายามเลี้ยงเขาให้เป็นเพื่อนอยู่แล้ว คือมันก็จะเป็นสเตปแบบที่แม่เลี้ยงเป้ย เหมือนเป็นเพื่อนกัน เป้ยมีความรู้สึกว่าพอเป็นเพื่อน มันเหมือนว่ามีอะไรเราก็จะกล้าพูดคุย เราอยากให้พูดคุยกันได้ทุกๆ เรื่อง ไม่อยากให้มีกำแพงกับเรา”

ความเป็นลูกผู้ชาย ก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่ามีเส้นกั้นใช่ไหม?
“ไม่นะ เพราะด้วยนิสัยของเป้ย เป้ยก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงจ๋า เป้ยก็จะมีความห้าวๆ แล้วโปรดก็มีความซอฟต์ มันก็เลยจูนกัน เราสนิทกันมาก”

มีอะไรที่เราบอกลูกแล้วเราเซอร์ไพรส์ว่าเขาเข้าใจไหม?
“คือรู้สึกว่าเราคุยกับเขามาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว สิ่งนี้มันก็ปลูกฝัง ทำให้เขาเหมือนคุยกับเราได้ทุกเรื่อง มันก็เป็นไปโดยอัตโนมัติ มันไม่ใช่เพิ่งมาคุย”

อย่างนี้ไม่ทาบทามให้มาเล่นละครด้วยกันเลย?
“คงไม่ใช่ เขาไม่น่าจะอิน ไม่น่าจะชอบ เราก็ไม่บังคับอะไรเขา”

พอมีเรื่องนี้แล้วมีเรื่องอื่นติดต่อมาอีกไหม?
“มีๆ เรื่องอื่น ผู้จัดที่เป็นดารานักแสดงก็มีติดต่อมาว่ามาเล่นของพี่ก่อนนะ เป้ยเล่นแล้วเหรอ ต้องมาเล่นของพี่”

มีการแย่งตัวกันนิดนึง?
“ก็มีแบบเป้ยมาเล่นของพี่ มันแซ่บนู่นนี่ ก็รอเค้าส่งบทมา”

เห็นว่าฉากเลิฟซีนสามีก็ไฟเขียว?
“จริงๆ มันไม่มีอะไรหรอก เราก็แค่จู่ๆ เห็นเขามาคอมเมนต์ ก็เลยคอมเมนต์แซวกัน มันก็มีแต่เป็นอะไรที่หลบได้ แล้วผู้กำกับเขาก็เข้าใจเรา เพราะเรามีลูกแล้ว”

ช่วงที่ผ่านมาเป้ยก็เจอข่าวเยอะ ขอถามเรื่องที่มีข่าวว่าถูกสามีบีบคอ?
“ลูกมาด้วย เรื่องนี้เป้ยขออนุญาตไม่ตอบ จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วนะว่าเป้ยไม่ค่อยสัมภาษณ์เรื่องนี้เวลาออกสื่อ ก็ขออนุญาตดีกว่าค่ะ”

เวลาคนเข้าไปคอมเมนต์เราเหนื่อยไหมเหนื่อยกับการที่คนตีความไปต่างๆ ไหม?
“เหนื่อยไหม เอาจริงๆ ไม่ได้เรียกว่าเหนื่อยมากกว่าเป็นทางด้านความรู้สึก แต่สุดท้ายเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราโฟกัสอยู่มันคืออะไร ประเด็นมันก็ไม่สำคัญเท่ากับลูกของเรา ครอบครัวของเรา”

กังวลไหมกับคนที่เชื่อไปแล้วตามข่าวที่เกิดขึ้น?
“เป้ยไม่ซีเรียสเลยใครจะเชื่อ ไม่เชื่อ เอาสุดท้ายที่คนรอบตัวเราเขารู้ยังไง เข้าใจยังไง สำคัญตรงนี้มากกว่า”

ความสตรองของเราล่ะ ที่เจอข่าวมาเยอะแบบนี้แล้วไม่ได้ออกมาชี้แจง?
“เป้ยไม่ได้สตรองอะไร พอมันโตขึ้นวุฒิภาวะทางความคิดอารมณ์ต่างๆ มันสอนให้เรามั่นคงมากขึ้น อาจจะไม่ได้อ่อนไหวเหมือนเมื่อก่อน”

คนมองว่าเราดูนิ่งขึ้น และให้เวลาตอบเอง?
“เราโตขึ้นด้วย ลูกของเราที่เราต้องปกป้องด้วย”

อย่างเวลาข่าวอยู่ในอินเทอร์เน็ตให้ลูกเสพไหม หรือไม่ให้ดูเลย?
“เราไม่ได้ปิดบัง ไม่ได้ปิดกั้นอะไรเลย เพราะเขารู้ในความเป็นจริง เขาอยู่กับเราทุกวัน เขาเห็นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันไม่ต้องไปพูดอะไร”

ถามเรื่องนางร้ายแก๊งแตกที่คนโยงว่าเป็น เป้ย หนิง กระแต?
“ก็ขออนุญาตไม่ตอบเช่นกัน เข้าใจเป้ยเนอะ”

ความเป็นเพื่อนยังเหมือนเดิมไหม?
“ก็ขออนุญาตไม่ตอบ”

พอเราไม่ตอบคนยิ่งคิดไปกันใหญ่?
“ขอเป็นโอกาสหน้าแล้วกัน”

เรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกันอย่างลิปสติกยังทำอยู่ไหม?
“ยังทำอยู่ค่ะ เดี๋ยวถ่ายโปรโมตเลย (ยิ้ม) ไม่มีอะไรค่ะ”

ได้คุยกันหรือทำความเข้าใจกันไหม เพราะข่าวออกมาแล้วต่างฝ่ายต่างไม่ตอบ?
“อืม... (ยิ้มไม่ตอบ)”

หลายคนเป็นห่วงเสียดายมิตรภาพ?
“(ยิ้ม)”

อาจจะเพราะยังไม่ได้เคลียร์เลยยังไม่ออกมาตอบชัดเจน?
“ก็นะ ไม่รู้ยังไง”

ได้คุยกันไหมหรือยังไม่คุยกันเลย?
“ก็ไม่รู้ ขออนุญาตไม่ตอบแล้วกัน”

ถามเรื่องที่ล่าสุดมีการรวมหมู่บ้านเมียหลวง มีเป้ย มีธัญญ่า?
“บังเอิญรึเปล่า ตอนจังหวะที่เราไปดูบ้านหลังนั้นเรารู้แค่ว่าพี่หนิงอยู่แค่นั้น ไม่มีอะไร เป็นอะไรที่บังเอิญมากกว่า ไม่ได้เป็นประเด็นอะไร”

จะมีเข้าก๊วนกับธัญญ่าไหมที่เขาเป็นชมรมอะไรกัน?
“เราไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้น เจอไปตามสถานการณ์และก็แก้ไขไปตามสถานการณ์ เราก็จะใช้วิธีของเรา ซอฟต์อะ เพราะเราก็กังวลเรื่องลูกเป็นหลัก”.

Let's block ads! (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( เป้ย ปานวาด ไม่ขอตอบข่าวลือสามีบีบคอ-ปมถูกเม้าท์แตกคอกับ หนิง-กระแต - ไทยรัฐ )
https://ift.tt/3cEk7zf
บันเทิง

Bagikan Berita Ini

0 Response to "เป้ย ปานวาด ไม่ขอตอบข่าวลือสามีบีบคอ-ปมถูกเม้าท์แตกคอกับ หนิง-กระแต - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.