Search

"แอมมี่" บอก อย่าฆ่ากันเพราะความรักที่มีต่อคนๆ เดียว! โวเล่นหนังเปลี่ยนอนาคตประเทศ ขอสู้เพื่อคนหมู่มาก - ผู้จัดการออนไลน์



"แอมมี่" เอาตัวเองการันตีเปลี่ยนอนาคตประเทศ เล่นหนัง "ต้อม ยุทธเลิศ" เผยยึดทฤษฎีก้อนหินก้อนเดียวเปลี่ยนโลก บอกไม่ชอบก็ไม่ต้องให้เงิน ถึงสู้ทรัพยากรรัฐไม่ได้ แต่มั่นใจจะชนะด้วยความดี ขอบคุณรัฐบาลเผด็จการ ยกระดับจิตใจและความกล้าหาญม็อบ 3 นิ้ว ก่อนย้ำไม่จำเป็นต้องฆ่ากันเพราะความรักที่มีต่อคนๆ เดียว

เรียกว่ายืนหนึ่งเป็นนักแสดงนำหลักหนังของผู้กำกับ "ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค" เกี่ยวกับการประท้วงของม็อบสามนิ้วไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ ออกมาขอระดมเงิน 100 บาท จากคนรักประชาธิปไตย จำนวน 1 ล้าน งานนี้ "แอมมี่ ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์" เผยว่าหวังให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่กำหนดอนาคตประเทศ

“เขาถามว่าผมจะอยู่ถ่ายให้พี่ได้ไหม (หัวเราะ) ผมขออธิบายนิดหนึ่งเพื่อความเข้าใจมากขึ้น ตั้งแต่มีเหตุการณ์ในโปรเจกต์ มีส่วนที่เราหยิบข้อได้เปรียบ ในสิ่งที่ผมเห็นคือการทวงคืนทางด้านวัฒนธรรม การต่อสู้ทางวัฒนธรรมในรูปแบบของผู้ชุมนุมเอง ยังขาดความแข็งแรง ณ ตรงนี้ การขับเคลื่อนด้วยศิลปวัฒนธรรม มีอิทธิพลและทรงพลังมาก ผมเลยไม่อยากจะทิ้งไอเดียอะไรก็ตาม ที่มีส่วนประกอบของสิ่งที่เรียกว่า ทฤษฎีก้อนหินก้อนเดียวเปลี่ยนโลก 
 
การที่ผมไม่มีคำถามใดๆ เลยกับผู้กำกับคนนี้ ว่าเขาจะทำอะไรหรือพล็อตเรื่องจะเป็นยังไง แต่เราคุยกันเหมือนมุมของพี่ชายน้องชายมากกว่า ผมไปตอบแทนทุกคนไม่ได้ว่าพล็อตเรื่องจะเป็นยังไง หรือดำเนินต่อไปยังไง ผมคิดว่าตัวกำหนดหนังเรื่องนี้ อาจจะเป็นเรื่องของอนาคตประเทศนี้ก็เป็นได้ 
 
แต่ถามว่า 100 บาทขอบคุณเหมือนกับอะไร ผมเคยมางานนิทรรศการที่นี่ มีศิลปินคนหนึ่งเขาโชว์เฟรมเปล่าแล้วแค่เซ็นชื่อลงไป ผมคิดว่าอันนี้คือคอนเซปต์ที่น่าจะใกล้เคียงกับสิ่งที่พี่ต้อมต้องการ มันยังอยู่ในพื้นฐานของเจตนาที่ดี ที่ใครจะไปคิดว่าหนังเรื่องนี้อาจจะเป็นตัวเปลี่ยนอนาคตของประเทศไทยก็ได้ ผมก็ยินดีที่จะลงทุน โดยการเอาตัวเองออกมาการันตี เพราะผมคือคนที่ซื้อเฟรมว่างเปล่านั้น ที่มีศิลปินถ้าเป็นชื่อคุณเฟรมนั้นชื่อยุทธเลิศ ศรีประภาครับ 

ถามว่าผมกลัวจะโดนมาตรา 112 ไหม ตอนนี้เขาขยับผมเป็นพ.ร.บ. 116 ทุกเคส ถ้าสังเกตช่วงนี้ก็ตามประเด็น ช่วงโควิด-19 พูดตรงๆ ว่าฝั่งโน้นเขาก็ลองยาจับคนใกล้ตัวเราในคดี ลองจากคนที่ไม่ได้อยู่ในสปอตไลต์ ว่าเราจะมีรีแอ็กชั่นยังไง จะปกป้องเขาได้ไหม 
 
ถามว่ากลัวไหม ผมถามกลับไปอย่างนี้ดีกว่า ว่าทุกวันนี้กฎหมายยังเป็นกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือเปล่า สำหรับทุกคนที่เข้าใจกันอยู่แล้วว่าบ่อนเดินไปชี้ก็ได้ว่าอยู่ที่ไหน อาบอบนวดเรารู้หมดว่าคืออะไร ทำไมถึงไม่ขึ้นมาบนดิน ทำไมเราถึงไม่ได้ภาษีจากตรงส่วนนี้ ในสิ่งที่พูดผมกำลังต่อสู้อยู่เพื่อรัฐสวัสดิการ เพื่ออนาคตของประเทศ

ในสิ่งใดที่มันเกิดขึ้น ณ ตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนด้วยศิลปิน ดนตรี หรือว่าจะเป็นสื่อแขนงอื่นๆ ยินดีสนับสนุนทุกคนอย่างเต็มที่ ถ้าผมเห็นว่ามันจะไม่ขัดต่อภาพของรูปขบวนใหญ่ และมีผลดีมากกว่าผลเสียครับ”

วางแผนล่วงหน้ายาก เพราะทุกวันนี้ถูกก่อกวน ยังไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัย
“อย่างที่บอกว่าพล็อตมันไม่สามารถวางได้ เพราะว่ามีการลองทำรีเสิร์จดู ซึ่งพี่ต้อมก็ตามผมกับไผ่ ดาวดินเป็นหลัก ขนาดแค่ตารางเรา ยังไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราเลย ขึ้นอยู่กับว่าวันนี้ใครจะโดนจับเข้าไปอีก วันนี้เราต้องไปประกันตัวใคร เราต้องแบ่งทีมไปช่วยใครบ้าง ในแต่ภาคเขาก็ก่อกวนเราไม่หยุด พูดง่ายๆ ว่าแค่สวัสดิภาพของความปลอดภัย เรายังไม่รู้เลย ว่าวันนี้เราจะเข้าออกด้วยซอยไหนยังไง เพราะฉะนั้นการบอกแผนล่วงหน้าเป็นไปได้ยาก

แล้วอย่างที่พี่ต้อมมาตามเก็บ พอเอาเข้าจริงๆ มันจะมีตารางที่มันแทรกเข้ามาตลอด ซึ่งถ้าพูดว่าเป็นการปรับเพื่อให้เข้ากับเหตุการณ์จริงตลอด ก็พูดง่ายๆ ว่าโอเค...วันนั้นอาจจะยังเป็น 1410 อยู่เลย แต่ว่าโดนจับไปแล้ว วันที่ 13 (หัวเราะ) ก็ยังไม่ได้มางานเลย โดนไปก่อน ไหนจะเป็นเรื่องของตัวเลข ที่เราโฟกัสกัน อาจจะเป็นเลข 112 ก็ได้ เหตุการณ์มันมีอะไรที่ขับเคลื่อนไปด้วยตัวมันเอง ด้วยความเร็วสูง”

ไม่ชอบก็ไม่ต้องให้เงินสร้างหนัง
“การต่อสู้ในครั้งนี้อย่างที่บอกว่าทุกคนมีแผลมีข้อบกพร่องเป็นของตัวเองแต่สิ่งที่เราต้องการมากเลยในทุกสาขาอาชีพคือคนที่กล้าหาญ ความสามารถกับความกล้าหาญเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดในไม่ใช่กับบุคลิกภาพที่คุณจะไปชี้ว่าคนนี้น่าเชื่อถือหรือไม่น่าเชื่อถือเพราะฉะนั้นการทำแบบนี้ผมคิดว่ามันชัดเจนในตัวมันว่าถ้าคุณไม่ชอบเขาคุณก็ไม่ต้องให้

หน้าสื่อเราพยายามจะพูดให้น้อยเพราะว่าข้างหลังบ้านเราบาดเจ็บเยอะ เรามีนักศึกษาที่ออกมาต่อสู้กับเราหลายคนต้องดร็อปเรียนหลายคนต้องออกจากบ้าน มีพี่น้องเสื้อแดงบางส่วนที่ไม่ได้มีกำลังทรัพย์เท่ากับเราต้องติดร่างแหไปกับเราด้วย ต้องมารายงานตัวนั่งรถไฟมากรุงเทพ 10 ชม. เพื่อมารายงานตัวอาทิตย์ละครั้ง

มันมีรายละเอียดของการต่อสู้ซึ่งผมไม่สามารถหรือผมหรือไผ่หรือเพนกวินเองไม่สามารถจะพูดออกมายังหน้าฟีดได้อย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือภาพยนตร์ผมมองว่า ณ ตรงนั้นมันมีรายละเอียดที่จะทำให้อย่างที่พี่ต้อมบอกความเข้าใจว่าจริงๆ แล้วมันมีที่มาที่ไปทำไมเด็กต้องเขียนข้อความอย่างงั้นลงบน สน. มันมีที่มาที่ไปของมันแล้วถ้าเราได้กล้องมาอยู่กับเรา

อีกข้อหนึ่งที่ผมเป็นห่วงมากที่สุดอาจจะไม่ใช่ตัวผมเอง อาจจะในมุมของเพื่อนผมอย่าง ไผ่ เพนกวินเอง บางครั้งแล้วเราต้องยอมรับว่าในทางกายภาพ เราไม่สามารถป้องกันความปลอดภัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก เอาจริงการ์ดธรรมศาสตร์แค่ไม่กี่คนเดินล้อมเขา เขาจะทำอะไรเราก็ได้ แต่ว่าการที่มีกล้องหนึ่งตัวเนี่ย ผมบอกเลยว่าอาจจะเป็นก้อนหินก้อนเดียวที่เปลี่ยนโลกและก็นั้นแหละครับไม่ต้องมีปัญหาอะไร คุณเห็นด้วยกับไอเดียนี้คุณลงมาร้อยนึงลงตัวตนของคุณ ลงอุดมการณ์กับเรา ถ้าคุณไม่เห็นด้วยผมขออย่างเดียว สังคมนี้เต็มไปด้วยคนที่พูดมากกว่าทำเยอะไปครับ”

ขอบคุณรัฐบาลเผด็จการ ทำให้เด็กตื่นตัว ยกระดับจิตใจและความกล้าหาญ
“แต่ว่าก็ต้องขอบคุณรัฐบาลเผด็จการชุดนี้เหมือนกันนะ ที่ทำให้เด็กตื่นตัวขนาดนี้ จะบอกว่าวัดได้จากเป็นวินเทอร์เฟสก็ได้เป็นเทศกาลหนังสือต่างๆ ที่ 3 วันคนเข้าอย่างน้อยนับหนึ่งหมื่นแล้วส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายคือเด็กมัธยมนั้นหมายถึงว่าเรายกระดับจิตใจเขาแล้ว แล้วก็ยกระดับความกล้าหาญแล้วก็ความรู้ด้วยเด็กอ่านหนังสือเยอะขึ้นนะครับ ไม่ได้เหมือนยุคผมที่อ่าน 2-3 บรรทัด เรามีความหวังครับ ยังตอบไม่ได้หรอก

ผมเชื่อว่ามันต้องมีค่า ขนาดคณะราษฎรเอง ใครจะไปคิดว่าเด็กจะเอามาถอดรูปแบบการต่อสู้ โมเดลก็ไม่ได้เหมือนกับ 14 ตุลา ในครั้งที่แล้ว 14 ตุลาครั้งที่แล้ว เด็กยังไม่ได้มองว่านั้นชัยชนะนะ เป็นชัยชนะแบบฉาบฉวยด้วยซ้ำ ในแง่ของประวัติศาสตร์หรือในแง่ของอะไร คุณไปถกกับเด็กมัธยมตอนนี้ ผมเองผมว่าผมเป็นคนรู้น้อยนะ เพราะฉะนั้นนั่นแหละครับ อย่าดูถูกเด็ก”

บอกสู้ด้วยทรัพยากรไม่ได้ แต่หวังจะชนะด้วยความดี
“แค่ทรัพยากรเราก็สู้ไม่ได้แล้ว ถ้าพูดถึงม็อบก็ไม่ใช่ม็อบจัดตั้ง การเรี่ยไร ถ้าพูดถึงคนที่จะออกมากล้าเรี่ยไรช่วยม็อบ มันต้องกระแสทั้งบวกทั้งลบ ผมเลยคิดว่าเราเลยจุดนั้นมาแล้ว ผมไม่อยากให้ขบวนนี้ต้องเปรอะเปื้อนไปเพราะเสียงนินทา เราอยากเห็นรูปธรรมที่มันเกิดขึ้น แล้วผมยังเชื่อทุกโอกาส อย่างที่บอกไปแล้วไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนด้วยภาพยนตร์ หนัง หรือเพลง มันต้องทรงพลังมากกว่า มันคือความตั้งใจดี ขอให้เราชนะด้วยความดี”

มองข้ามประเด็นล้มเจ้า อย่าฆ่ากันเพราะเพราะความรักที่มีต่อคนๆ เดียว 
“เขาใช้วิธียึดโยงเป็นทริกเก่า ที่ถอดบทเรียนมา ถ้าถามผมการที่อยู่ข้างใน ตัวของเด็กหรือนักศึกษา แทบจะมองข้ามประเด็นนี้เลย เราจะรักหรือเราจะเกลียดก็ได้ อย่างที่บอกไทม์มิ่งเราเข้าไปอยู่ในมวลชน เราเข้าใจว่าในข้อที่สาม มันเซนซิทีฟไปในบางพื้นที่ ที่เราจะเข้าไปจัดตั้งด้วยซ้ำ เราเต็มใจที่จะทอยเพื่อที่จะเข้าไปพูดคุย ทำความรู้จัก รักและศรัทรา เราเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้ แต่เรามีความตั้งใจที่ดีว่า เราอยากเห็นประเทศไปข้างหน้าจริงๆ ด้วยหลักสวัสดิการที่มันจะต้องดีขึ้นกับการเก็บภาษี ณ สัดส่วนเท่านี้

ผมเชื่อว่าถ้าเราได้รับชัยชนะ เราจะปรับเรื่องนี้ได้ ส่วนเรื่องที่เซนซิทีฟตรงนั้น ผมมองว่าจะรักหรือไม่รัก หรือว่าแนวคิดนี้จะยังไง ไม่ต้องฆ่ากัน ไม่ต้องถึงกับฆ่ากัน ไม่ต้องเอาม็อบมาชนม็อบ อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ถ้ายังหาทางออกแบบนั้น ถ้าเจตนาของการปลุกเรื่องนี้ขึ้นมา ใครจะรักหรืออะไรไม่สน ผมอยากจะเห็นประเทศนี้ดีขึ้น เราไม่จำเป็นต้องฆ่ากันเพราะความรักที่มีต่อคนๆ เดียว หรือระบบ หรือระบอบใดระบอบหนึ่ง ไม่จำเป็นเลย”

ยันสู้เพื่อคนหมู่มาก
“การต่อสู้ครั้งนี้เพื่อคนหมู่มาก ความเหลื่อมล้ำมันสูงมาก เราต่อสู้เพื่อคนที่เขาไร้อำนาจ คนที่เป็นชาวบ้านจริงๆ ทีนี้สิ่งที่มันกระทบกันเลยนะ คือสิ่งที่เรารู้กันอยู่แล้ว คนที่เสียผลประโยชน์ก็คือคนที่ถืออำนาจสูงสุด เด็กเขาออกมาเขารู้อยู่แล้วว่าเขาต้องเสี่ยงกับอะไร หรือใดๆ ก็ตาม”


Let's block ads! (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( "แอมมี่" บอก อย่าฆ่ากันเพราะความรักที่มีต่อคนๆ เดียว! โวเล่นหนังเปลี่ยนอนาคตประเทศ ขอสู้เพื่อคนหมู่มาก - ผู้จัดการออนไลน์ )
https://ift.tt/3oY37IW
บันเทิง

Bagikan Berita Ini

0 Response to ""แอมมี่" บอก อย่าฆ่ากันเพราะความรักที่มีต่อคนๆ เดียว! โวเล่นหนังเปลี่ยนอนาคตประเทศ ขอสู้เพื่อคนหมู่มาก - ผู้จัดการออนไลน์"

Post a Comment

Powered by Blogger.